ด้านหน้าเป็น พระคู่บ้านคู่เมือง อุบลราชธานี พระเจ้าองค์ตื้อ วัดใต้ อำเภอเมือง จังหวัด อุบลราชธานี ด้านหลังเป็น รูปดอกบัว สัญญลักษ์ เมืองอุบลราชธานี
วัดใต้ หรือ วัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ อุบลราชธานี
วัดใต้ หรือ วัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่ที่ถนนพรหมราช ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลฯ จังหวัดอุบลราชธานี มีเนื้อที่ 9 ไร่ อยู่ในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี อยู่ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำมูล (อยู่ตรงข้ามกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อุบลราชธานี) สร้างเมื่อ พ.ศ.2373 ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมา วัดใต้ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใต้ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ" เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปเก่าแก่ นามว่า " พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ " ซึ่งมีตำนานตามที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ขณะหล่อและอัญเชิญ พระเจ้าองค์ตื้อ มาประดิษฐานภายใน พระอุโบสถวัดใต้นั้น ได้เกิดฝนฟ้าคะนองนานถึง 7 วัน 7 คืน ซึ่งชาวอุบลฯเชื่อว่า เป็นอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ ของ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ
พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เป็นเนื้อทองเก้าสัมฤทธิ์ปางวิชัย หน้าตักกว้าง 51 นิ้ว สูง 85 นิ้ว (รวมฐาน) ได้รับการยกย่องมาว่า เป็นพระพุทธรูป ที่งดงามในประเทศไทยและภาคอีสานเป็นพระประธานองค์ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ครองนครเวียงจันทร์ ตามประวัติ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ มีอยู่ 5 องค์ อยู่ในประเทศไทย 4 องค์ ได้แก่ พระเจ้าองค์ตื้อ อยู่วัดใต้ ในเมืองอุบลราชธานี พระเจ้าองค์ตื้อ อยู่ที่วัดปากแซง อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี พระเจ้าองค์ตื้อ อยู่ที่วัดสีชมพู อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย พระเจ้าองค์ตื้อ อยู่ที่วัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่และพระเจ้าใหญ่องค์ตื้ออยู่ที่ ประเทศลาวอีก 1 องค์ ซึ่งเป็นรูปลักษณะคล้ายคลึงกันมาก ตามสันนิฐานว่า คงเป็นช่างสมัยเดียวกัน
พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ที่วัดใต้ ในเมืองอุบลราชธานี เดิมทีประดิษฐานอยู่บนแท่นพระอุโบสถหลังเก่า ฐานรองรับสูง 70 เซนติเมตร สร้างแบบง่ายๆ ภายหลังอุโบสถหลังเก่าทรุดโทรม พระเจ้าองค์ตื้อจึงอยู่กลางแจ้ง ตากแดด ตากฝน เป็นเวลานานทำให้องค์พระพุทธรูปองค์ตื้อมีรอยแตก เป็นสะเก็ดออกมา ผู้เฒ่าผู้แก่ สมัยปู่ย่าตาทวดได้บอกเล่าสืบต่อกันมาว่า พระพุทธรูปองค์ตื้อนี้ได้ถูกหุ้มห่อทาปอมพอกเอาไว้พอกด้วยเปลือกไม้ ยางบด ผสมผงอิฐเจ และทองคำ เงิน นาก สัมฤทธิ์ เงิน รางกาชาดซะพอก ให้น้ำเกลี้ยง น้ำชาดผสมทาปอมพอก แล้วลงรักปิดทองที่เข้าเมืองอุบลราชธานี และเถราจารย์ในสมัยนั้น เพราะเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ ซึ่งองค์พระพุทธรูปเป็นทองแท้สัมฤทธิ์กลัวว่าจะถูกข้าศึกศัตรูขนเอาไป จึงได้ทาปอมพอกปิดเอาไว้ และปล่อยทิ้งเป็นวัดร้างนานถึง 200 ปี
ครั้นต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2507-2508 ครั้งนั้นพระภิกษุสวัสดิ์ ทสฺสนีโย ราชาคณะชั้นราช ที่พระราชธรรมโกศล เป็นเจ้าอาวาสวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ รูปที่ 13 และเป็นเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี (ธ) ได้ทำการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น นำพระภิกษุ-สามเณร ทายก-ทายิกา และชาวบ้านชุมชนใกล้กวัด ก่อสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2519 เมื่อสร้างฐานแท่นพระพุทธรูปพระประธานเสร็จจึงได้ยก พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อขึ้นประดิษฐานที่แท่นจนถึงปัจจุบันนี้ รวมอายุองค์พระประมาณ 225 ปี
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2563